นครเจอราช (JERASH) หรือ “เมืองพันเสา” หรือ "ปอมเปอีแห่งตะวันออกกลาง" เป็น 1 ใน 10 หัวเมืองเอก ในสมัยกรีก-โรมัน Decapolis อันยิ่งใหญ่ของอาณาจักรโรมัน สันนิษฐานว่าเมืองนี้น่าจะถูกสร้างในราว 200 – 100 ปีก่อนคริสตกาล เดิมทีในอดีตเมืองแห่งนี้ชื่อว่า ในปี ค.ศ. 749 นครแห่งนี้ได้ถูกแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ทำลาย และถูกฝังกลบโดยทรายหลังจากนั้นก็ได้สูญหายไปเป็นนับพันปี จนกระทั่งมีการขุดค้นในปี 1878 ชม ซุ้มประตูกษัตริย์เฮเดรียน สร้างขึ้น คศ.129 และ สนามแข่งม้าฮิปโปโดรม ประตูทางทิศใต้ ชมโอวัลพลาซ่า กว้าง 80 เมตร ยาว 90 เมตร เป็นสถานที่ชุมนุม พบปะสังสรรค์ของชาวเมือง รายรอบด้วยเสาไอโอนิคสูงกว่า 10 ม. จำนวน 67 ต้น เรียงรายรอบจัตุรัส, วิหารเทพซีอุส สร้างตั้งแต่ศต. ที่ 1 แต่ปัจจุบันเหลือแต่ซากเสาและกำแพง
ซากนครโรมันโบราณที่ได้แวะไปเยี่ยมชม คือนครกรีก-โรมันเจอราช ฉายา “เมืองพันเสา” อดีต1 ใน 10 หัวเมืองเอกอันยิ่งใหญ่ของอาณาจักรโรมัน ซึ่งตอนที่ไปการฟื้นฟูบูรณะยังดำเนินอยู่ แต่ก็เห็นความสมบูรณ์ แบบของศิลปกรรม และ สถาปัตยกรรมที่คนจอร์แดนบอกว่า ซากนครโรมันที่ยังคงหลงเหลือแห่งนี้มีความอย่างสมบูรณ์แบบที่สุดในโลก นอกเหนือจากที่มีอยู่ใน กรุงโรม ประเทศอิตาลี(Jerash is considered the best preserved and most complete city of the Decapolis, a confederation of Ten Roman cities dating from the 1st Century B.C.)
ตามข้อมูลประวัติศาสตร์ สันนิษฐานว่านครเจอราช (JERASH) หรือ “เมืองพันเสา”นี้น่าจะถูกสร้างในราว 200 – 100 ปีก่อนคริสตกาล เดิมทีในอดีตเมืองแห่งนี้ชื่อว่า เมืองแอนติออชบนฝั่งแม่น้ำทองคำ หรือ "Antioch on the Chrysorrhoas " คำว่า " Chrysorrhoas " หมายความว่า "แม่น้ำทองคำ หรือ Golden River" บางตำราก็เรียกว่าเป็น the Pompeii of the East เนื่องจาก ในปี ค.ศ. 749 นครแห่งนี้ได้ถูกแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ทำลาย และถูกฝังกลบโดยทรายหลังจากนั้นก็ได้สูญหายไปเป็นนับพันปี
อย่างไรก็ตาม มีการขุดพบซากการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์บริเวณพื้นที่ภายในกำแพงเมืองเจอราช ที่บ่งชี้ว่ามีมนุษย์อาศัยอยู่ที่บริเวณนี้มาตั้งแต่ยุคสำริด ( Bronze Age) ยุคเหล็ก ( the Iron Age) ยุคกรีก ( the Hellenistic) ยุคโรมัน ( Roman) ยุค Byzantine, Umayade และ Abbasid periods
สิ่งสำคัญที่น่าชมของ นครเจอราชในยุครุ่งเรืองสมัยโรมันมีมากมาย ตั้งแต่ ซุ้มประตูกษัตรย์เฮเดรียน และ สนามแข่งม้าฮิปโปโดรม โอวัลพลาซ่า ซึ่งเป็นสถานที่ชุมนุม พบปะ สังสรรค์ของชาวเมือง, วิหารเทพซีอุส ฯลฯ
โรงละครทางทิศใต้ (สร้างในราวปี ค.ศ. 90-92 จุผู้ชมได้ถึง 3,000 คน มีจุดเสียงสะท้อนตรงกลางโรงละคร ที่เราสามารถทดสอบกับความอัศจรรย์ นี้ได้ ด้วยการพูดเพียงเบา ๆ ก็จะมีเสียงสะท้อนก้องเข้ามาในหูของเรา นอกจากนี้ ยังมี วิหารเทพีอาร์เทมิส ซึ่งเป็นเทพีประจำเมืองเจอราช สร้างในราวปี ค.ศ. 150 สร้างขึ้นพื่อใช้เป็นสถานที่สำหรับทำพิธีบวงสรวง และบูชายัญต่อเทพีองค์นี้ วิหารแห่งนี้ แบ่งเป็น 3 ชั้น คือ ชั้นนอก ชั้นกลาง ชั้นใน
ที่ขาดไม่ได้อีกอย่างหนึ่งก็คือ การเดินเข้าสู่ ถนนคาร์โด หรือ ถนนโคลอนเนด ซึ่งเป็นถนนสายหลักที่ใช้เข้า-ออกเมืองแห่งนี้ บนถนนนั้นยังมีริ้วรอยทางของล้อรถม้า, ฝาท่อระบายน้ำ, ซุ้มโคมไฟ, บ่อน้ำดื่มของม้า ให้ชมด้วย นอกจากนี้ยังมีน้ำพุใจกลางเมือง (NYMPHAEUM) สร้างในราวปี ค.ศ. 191 เพื่ออุทิศแด่เทพธิดาแห่งขุนเขา ซึ่งเป็นที่นับถือของชาวเมืองแห่งนี้ มีที่พ่นน้ำเป็นรูปหัวสิงโตทั้งเจ็ด และตกแต่งด้วยเทพต่างๆ ประจำซุ้มด้านบนของน้ำพุ ฯลฯ
น่าเสียดายมากที่ไปครั้งนั้น ไม่ได้มีโอกาสไปเห็นเมือง เพตร้า (PETRA) มหานครศิลาทรายสีชมพู หรือ นครสีดอกกุหลาบ ที่ถูกลืมหายไปจากความทรงจำของผู้คน จนกระทั่งถูกค้นพบโดยนักล่าสมบัติชาวสวิส นาย จอห์น ลุควิดซ์ เบอร์คฮาร์ดท์ ค้นพบ และได้ถูกนำออกมาเล่าเรื่องราวกล่าวขานถึงความสวยงาม และความมหัศจรรย์ของมหานครแห่งนี้ จนถูกโหวตให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์แห่งโลกใหม่จากคลื่นมหาชนร้อยล้านคนทั่วโลก เมื่อเร็วๆนี้ เนื่องจากมีเวลาไม่มากและการเดินทางไปนครเพตร้าต้องใช้ทั้งเวลาและเงินตรามากกกกก....
ปัจจุบันนี้การบูรณะน่าจะสมบูรณ์แล้ว ในเว้ปมีแผนผังจุดที่ตั้งสถานที่สำคัญๆของเจอราช ให้ไกด์สำหรับนักท่องเที่ยวด้วย..
ตามข้อมูลประวัติศาสตร์ สันนิษฐานว่านครเจอราช (JERASH) หรือ “เมืองพันเสา”นี้น่าจะถูกสร้างในราว 200 – 100 ปีก่อนคริสตกาล เดิมทีในอดีตเมืองแห่งนี้ชื่อว่า เมืองแอนติออชบนฝั่งแม่น้ำทองคำ หรือ "Antioch on the Chrysorrhoas " คำว่า " Chrysorrhoas " หมายความว่า "แม่น้ำทองคำ หรือ Golden River" บางตำราก็เรียกว่าเป็น the Pompeii of the East เนื่องจาก ในปี ค.ศ. 749 นครแห่งนี้ได้ถูกแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ทำลาย และถูกฝังกลบโดยทรายหลังจากนั้นก็ได้สูญหายไปเป็นนับพันปี
อย่างไรก็ตาม มีการขุดพบซากการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์บริเวณพื้นที่ภายในกำแพงเมืองเจอราช ที่บ่งชี้ว่ามีมนุษย์อาศัยอยู่ที่บริเวณนี้มาตั้งแต่ยุคสำริด ( Bronze Age) ยุคเหล็ก ( the Iron Age) ยุคกรีก ( the Hellenistic) ยุคโรมัน ( Roman) ยุค Byzantine, Umayade และ Abbasid periods
สิ่งสำคัญที่น่าชมของ นครเจอราชในยุครุ่งเรืองสมัยโรมันมีมากมาย ตั้งแต่ ซุ้มประตูกษัตรย์เฮเดรียน และ สนามแข่งม้าฮิปโปโดรม โอวัลพลาซ่า ซึ่งเป็นสถานที่ชุมนุม พบปะ สังสรรค์ของชาวเมือง, วิหารเทพซีอุส ฯลฯ
โรงละครทางทิศใต้ (สร้างในราวปี ค.ศ. 90-92 จุผู้ชมได้ถึง 3,000 คน มีจุดเสียงสะท้อนตรงกลางโรงละคร ที่เราสามารถทดสอบกับความอัศจรรย์ นี้ได้ ด้วยการพูดเพียงเบา ๆ ก็จะมีเสียงสะท้อนก้องเข้ามาในหูของเรา นอกจากนี้ ยังมี วิหารเทพีอาร์เทมิส ซึ่งเป็นเทพีประจำเมืองเจอราช สร้างในราวปี ค.ศ. 150 สร้างขึ้นพื่อใช้เป็นสถานที่สำหรับทำพิธีบวงสรวง และบูชายัญต่อเทพีองค์นี้ วิหารแห่งนี้ แบ่งเป็น 3 ชั้น คือ ชั้นนอก ชั้นกลาง ชั้นใน
ที่ขาดไม่ได้อีกอย่างหนึ่งก็คือ การเดินเข้าสู่ ถนนคาร์โด หรือ ถนนโคลอนเนด ซึ่งเป็นถนนสายหลักที่ใช้เข้า-ออกเมืองแห่งนี้ บนถนนนั้นยังมีริ้วรอยทางของล้อรถม้า, ฝาท่อระบายน้ำ, ซุ้มโคมไฟ, บ่อน้ำดื่มของม้า ให้ชมด้วย นอกจากนี้ยังมีน้ำพุใจกลางเมือง (NYMPHAEUM) สร้างในราวปี ค.ศ. 191 เพื่ออุทิศแด่เทพธิดาแห่งขุนเขา ซึ่งเป็นที่นับถือของชาวเมืองแห่งนี้ มีที่พ่นน้ำเป็นรูปหัวสิงโตทั้งเจ็ด และตกแต่งด้วยเทพต่างๆ ประจำซุ้มด้านบนของน้ำพุ ฯลฯ
น่าเสียดายมากที่ไปครั้งนั้น ไม่ได้มีโอกาสไปเห็นเมือง เพตร้า (PETRA) มหานครศิลาทรายสีชมพู หรือ นครสีดอกกุหลาบ ที่ถูกลืมหายไปจากความทรงจำของผู้คน จนกระทั่งถูกค้นพบโดยนักล่าสมบัติชาวสวิส นาย จอห์น ลุควิดซ์ เบอร์คฮาร์ดท์ ค้นพบ และได้ถูกนำออกมาเล่าเรื่องราวกล่าวขานถึงความสวยงาม และความมหัศจรรย์ของมหานครแห่งนี้ จนถูกโหวตให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์แห่งโลกใหม่จากคลื่นมหาชนร้อยล้านคนทั่วโลก เมื่อเร็วๆนี้ เนื่องจากมีเวลาไม่มากและการเดินทางไปนครเพตร้าต้องใช้ทั้งเวลาและเงินตรามากกกกก....
ปัจจุบันนี้การบูรณะน่าจะสมบูรณ์แล้ว ในเว้ปมีแผนผังจุดที่ตั้งสถานที่สำคัญๆของเจอราช ให้ไกด์สำหรับนักท่องเที่ยวด้วย..
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น